วันอาทิตย์ ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2565, 20.03 น.
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 22 พ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวจังหวัดปราจีนบุรี รายงานว่า ได้รับแจ้ง มีชาวบ้านหมู่ 7 ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พบเห็นช้างป่าตัวใหญ่น้ำหนักเกือบ 1 ตัน ยืนกินอ้อยอยู่ที่หน้าบ้าน ด้วยความตกใจจึงรีบปิดประตูบ้านหนีช้างป่า เกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ
จากการสอบถามนางสาวนัยนา กงไกร ชาวบ้านหมู่ 7 ผู้ที่พบเห็นช้างกล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาขณะที่นั่งอยู่หน้าบ้าน มองออกมาหน้าบ้านซึ่งเป็นถนนคอนกรีตเห็นช้างป่าตัวขนาดใหญ่ น้ำหนักเกือบ 1 ตัน กำลังยืนอยู่ข้างเสาไฟฟ้าส่องสว่างหน้าบ้าน มันกำลังกินอ้อยที่ปลูกอยู่หน้าบ้าน รู้สึกตกใจและรีบพาหลานที่อยู่หน้าบ้านเข้าบ้านปิดประตู และบอกให้เพื่อนบ้านได้รู้ว่ามีช้างป่า กำลังยืนกินอ้อยอยู่หน้าบ้าน จากนั้นช้างป่า ได้เดินผละออกจากบ้านไป อึดใจต่อมาช้างป่าได้เดินมาตามถนนทางกัน 100 เมตร มายืนกินกล้วยที่หน้าบ้าน ชาวบ้านร้องบอกให้รู้ว่ามีช้างเข้ามาในหมู่บ้าน จึงพากันออกมาดูและแจ้งผู้นำหมู่บ้านให้ทราบ
ด้านนางชลดา ประสิทธิ์ชาดง ชาวบ้านหนองโดน กล่าวว่า เมื่อคืนตนเอง และสามีเป็นคนเห็นช้างป่า จำนวน 2 ตัว พากันเดินมาตามถนนคอนกรีตและกินต้นกล้วย ของเพื่อนบ้าน ช้างที่พบเห็น 2 ตัวมีตัวใหญ่ใกล้เคียงกัน หลังชาวบ้านที่พบเห็นส่งเสียงดังช้างป่าได้เดินหนีจากไปในความมืด ช่วงสายได้มีคนเห็นช้าง 2 ตัว อาศัยอยู่หลังวัดหนองโดน ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าพบช้างป่า 2 ตัวอยู่บริเวณใด คาดว่าช้างป่าที่พบเห็นเป็นช้างป่าจากเขตอนุรักษ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา ,จ.สระแก้ว ,จ.ชลบุรี,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง) แตกฝูงออกมาหากินอยู่ในพื้นที่รอยต่อบ้านเขาจันทร์ ม.9 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา รอยต่อ ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยช้างป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา จำนวนหนึ่งได้แตกฝูงออกมาหากิน อยู่บริเวณดังกล่าวเป็นเวลานานแล้ว และขยายพื้นที่ออกหากินในพื้นที่ ต.บ่อทอง และ ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี คาดว่าน่าจะเป็นช้าง 2 ตัวที่เคยมาหากินเมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา
ด้าน นายประภาศ รักศรี กำนัน ต.บ่อทอง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.ได้รับแจ้งจากลูกบ้าน พบช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน รวม จำนวน 2 ตัว ข้ามฝั่งมาจาก จ.ฉะเชิงเทรา เข้ามาหากินในพื้นที่ หมู่บ้านโนนปรางค์ จีงรายงานตามลำดับชั้น และ แจ้งชุดผลักดันช้างป่าฯทราบ
จากนั้น ต่อมา อีกประมาณ 1 ชั่วโมง ช้างป่า ได้เคลื่อนย้ายออกมาหากินต่ออีก ที่หมู่บ้านติดต่อกันทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน โดยเดินข้ามฝั่งถนนสายสุวรรณศร (สายเก่า)หรือสาย 33 และ ถนนสายสุวรรณศร (สายใหม่) ข้ามมา ที่หมู่บ้านหนองโดน ล่าสุด ตอนนี้ (22 พ.ค.) ได้รับรายงานว่า ช้างป่าดังกล่าวได้ผ่านหน้าศาลพระปรง เข้ามาหมู่บ้านบ้านนา หมู่ 10 ต.บ้านนา อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี พื้นที่รอยติดต่อกันกับ จ.สระแก้วแล้ว มีเจ้าหน้าที่ชุดผลักดันช้างป่าเขาอ่างฤาไน – อาสาสมัครเฝ้าระวังช้างป่า ติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ตลอดเส้นทางผ่าน ช้างป่าไม่ได้ทำร้าย หรือ เกิดอันตรายใดกับประชาชน หรือ กับช้างป่าเอง มีพบเพียง ร่องรอยการหากินพืชอาหาร จำพวกต้นกล้วย อ้อยเป็นอาหาร เท่านั้น ทั้งนี้จากทิศทางคาดว่า ช้างป่าทั้ง 2 ตัว กำลัง มุ่งหน้าสู่ จ.สระแก้ว ที่มีพื้นที่ติดต่อกัน ต่อไป
ขณะที่ ในไลน์กลุ่มเครือข่ายช้างป่า วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี โดยผู้ใช้ ชื่อนายธวัชชัย ช้างสาร ได้แจ้ง รายงานสถานการณ์ให้กับประชาชน ผู้นำท้องถิ่น และ สื่อมวลชน เป็นข้อมูล ภาพนิ่ง คลิป แจ้งสถานการณ์ช้างป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา (ในพื้นที่ป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยในเขตป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก จ.ฉะเชิงเทรา, จ.สระแก้ว ,จ.ชลบุรี ,จ.จันทบุรี และ จ.ระยอง) ที่ออกหากินนอกผืนป่า ข้ามฝั่งมาหากินที่ จ.ปราจีนบุรี และ ตลอดแนวตะเข็บติดต่อกันในฝั่ง จ.ฉะเชิงเทรา โดยทางชาวบ้านได้จุดชุดจิตอาสาฯในการเฝ้าระวังคอยผลักดันไม่ให้ช้างป่าเข้ามาในพื้นที่ของตนเอง เพื่อป้องกันอันตราย ทั้งพืชไร่ พืชสวน นาข้าว ที่พักอาศัย ในทุก ๆ วัน ได้แจ้งข้อมูลช้างป่าว่า
วันที่ 21 พ.ค. 65 เวลา 17.00 น.ชุดเคลื่อนที่เร็ว เฝ้าระวังผลักดันและติดตามแก้ไขปัญหาช้างป่าฯ(อ่างฤาไน) จ.ฉะเชิงเทรา อ.สนามชัยเขต ร่วมกับ อบต.อาสาฯ บ.โปร่งเจริญ ม.13 บ.หินแร่ ม.7 ผญ.บ.นาน้อย ม.6 ต.ท่ากระดาน ผญ.บ.มาบสมบูรณ์ ม.18 ต.ทุ่งพระยา ขอรายงานผลการปฏิบัติงานเฝ้าระวังติดตามผลักดันช้างป่า บริเวณ เขาชำระกำ พื้นที่ บ.อ่างตะแบก ม.1 ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต พิกัด 47p 0783911 E 1519100 N ติดตามร่องรอยช้างป่าออกหากิน บริเวณ บ.โปร่งตาสา ม.7 ต.ทุ่งพระยา พิกัด 47p 0783552 E 1517501 N ตามรอยผลักดันช้างป่าออกหากิน บริเวณ บ.นาน้อย ม.6 ต.ท่ากระดาน พิกัด 47p 0783435 E 1515515 N แล้วเคลื่อนตัวออกหากิน บริเวณ บ.บ่อหิน ม.6 ต.ท่ากระดาน พิกัด 47p 0784397 E 1516284 Nช้างป่าวนกลับมุ่งหน้าหากิน บริเวณ บ.โปร่งตาสา ม.7 ต.ทุ่งพระยา พิกัด 47p 0783852 E 1517587 N ช้างป่า ประมาณ 40+ตัว เข้าพักอาศัยอยู่ เขาชำระกำ พื้นที่ บ.โปร่งตาสา ม.7 ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต พิกัด 47p 0784163 E 1518814 N พบช้างป่าอีกกลุ่ม ออกหากิน อ้อย-สับปะรด บ.โปร่งเจริญ ม.12 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต พิกัด 47p 0791308 E 1501976 N ช้างป่า 5 ตัว เข้าพักอาศัยอยู่ เกาะป่าเขาอีหล่ำ พื้นที่ บ.อ่างเสือดำ ม.7 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ พิกัด 47p 0791682 E 1499484 N เฝ้าระวังในพื้นที่
ผู้สื่อข่าว รายงานเพิ่มเติม ก่อนหน้านี้ ประชาชนผู้ประสบปัญหาช้างป่าทั่วประเทศ และ รอบผืนป่าราบต่ำผืนสุดท้ายของไทยในภาคตะวันออก ตลอดรวมถึง รวม 9 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี นครนายก ระยอง และ สระแก้ว นำโดยนายดิเรก จอมทอง ประธานเครือข่ายฯ พร้อมเครือข่ายเข้ายื่นหนังสือต่อ นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช เป็นผู้แทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เพื่อเสนอมาตรการเร่งด่วนลดการสูญเสีย จากปัญหาช้างป่าบุกรุกพื้นที่ทำกิน ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ชี้แจงถึงการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวนเฝ้าระวังช้างป่า การปรับปรุงรั้วกันช้าง การปรับภูมิทัศน์ป่าริมถนนโดยจะประสานกับกรมทางหลวง และ แนวทางการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายทางทรัพย์สิน ผู้บาดเจ็บ และ ผู้เสียชีวิตจากช้างป่า รวมถึง การส่งเสริมเครือข่ายในชุมชน ให้ช่วยเฝ้าระวังช้างป่าอีกทางหนึ่ง โดยจะได้มีการพิจารณาดำเนินการตามข้อเสนอของเครือข่ายต่อไป สร้างเครือข่ายและให้ความรู้แก่ประชาชน เพื่อ ให้เข้ามาเป็นแนวร่วม โดยทางกรมอุทยานฯ ได้พยายามที่จะของบประมาณในการนำมาอุดหนุนเครือข่าย
ซึ่งคาดว่าจะได้รับในปี 2566 เพื่อให้ประชาชนที่ออกมาเป็นอาสาสมัครได้มีงบประมาณเติมน้ำมัน และ ใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะสามารถทำให้การผลักดันช้างทำได้ดียิ่งขึ้นในแต่ละพื้นที่ตนเอง หรือ แม้แต่ การเตรียมที่จะ ควบคุมประชากรช้างป่า อาทิ ทำหมัน เป็นต้น โดยอยู่ระหว่างวิจัย หรือ การปลูก-สร้างแหล่งน้ำแหล่งอาหารให้เพียงพอ เนื่องจากจำนวนประชากรช้างป่า มีจำนวนเพิ่มสูงจนล้นผืนป่า และ ล่าสุดเพียง 2เดือน เหยียบคนตายไปแล้วกว่า 4 ราย ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี จ.ฉะเชิงเทรา