ช้างป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ไล่ไม่ไป บุกเข้าใกล้เมืองกรุง เจ้าหน้าที่เร่งผลักดัน ชาวบ้านแซะ ระวังน้องไปทำเนียบ
(2 ส.ค.65) เวลา 17.46 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.ของวันนี้ ในพื้นที่ใกล้กับชุมชนตลาดบางบ่อ ม.1 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ทั้งฝ่ายปกครอง ซึ่งนำโดย น.ส.กมลชญา ประเสริฐสิน นายอำเภอแปลงยาว และนายเดชา นิลวิเชียร นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันช้างและแก้ไขปัญหาช้างป่าที่ 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน ป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี สระแก้ว) ที่ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องจำนวนกว่า 50 นาย ผนึกร่วมกับกำลังจากฝ่ายปกครองชาวบ้าน และอาสาสมัครกู้ภัยฯ รวมเกือบ 100 นาย เปิดยุทธการผลักดันช้างป่าขึ้น หลังจากได้มีชาวบ้านพบเห็นช้างป่าเพศผู้อายุประมาณเกือบ 20 ปี ลักษณะเป็นช้างสีดอขนาดใหญ่น้ำหนักราว 6 ตัน เข้ามาเดินวนเวียนออกหากินอยู่ใกล้กับชุมชนตลาดบางบ่อ ตั้งแต่เมื่อเย็นของวานนี้ (1 ส.ค.65) ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวลึกเข้ามาจนเกือบสุดเขต อ.แปลงยาว ก่อนที่จะเข้าสู่เขต อ.บางคล้า และมีระยะห่างจากศาลากลาง จ.ฉะเชิงเทรา ในเขต อ.เมืองฉะเชิงเทรา เพียงประมาณ 30 กม.เท่านั้น
โดยปฏิบัติการในวันนี้ ได้มีการระดมกำลัง และร่วมกันผลักดันช้างป่าถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนทางการเกษตรขนาดใหญ่ บินวนส่งเสียงขับไล่อยู่ที่ด้านบนท้องฟ้าเหนือจุดที่ช้างกำลังเดินหากินอยู่ แต่ไม่สำเร็จเนื่องจากช้างป่าเริ่มมีความคุ้นชินกับเสียงของโดรน ที่มีเสียงของใบพัดแหวกอากาศดังคล้ายกับเสียงของฝูงผึ้งที่กำลังบินวนเข้ามาหาจนช้างหวาดกลัวเมื่อครั้งอดีตแล้ว จากนั้นการผลักดันในรอบที่ 2 นายเดชา จึงได้เปลี่ยนวิธีการผลักดันช้าง ด้วยการใช้ทั้งโดรน และเสียงประทัดปิงปองสำหรับไล่นก จุดใส่กระบอกเหล็กเพื่อให้เกิดเสียงดัง และยังใช้หนังสติ๊กยิงลูกประทัดปิงปองให้เข้าไปเกิดเสียงดัง ที่ใกล้ๆ กับตัวช้างด้วย แต่ช้างป่าสีดอตัวดังกล่าวนั้น กลับไม่ขยับไปไหนไกลมากนัก เพียงแต่เดินข้ามจากหมู่บ้านที่อยู่กลางท้องทุ่งใกล้กับแนวเขต อ.บางคล้า มายังจุดที่อยู่ใกล้กับชุมชนตลาดบางบ่อ อ.แปลงยาว มากขึ้น เมื่อช่วงเวลา 17.46 น. หรือขยับจากพื้นที่ ม.1 มายัง ม.5 ต.แปลงยาว ที่อยู่ติดกันเท่านั้น จนต้องยุติภารกิจลงในที่สุด และทำได้เพียงการติดตามเพื่อประกบหาร่องรอยต่อไปเท่านั้น
ซึ่งนายเดชา กล่าวถึงช้างป่าตัวที่กำลังพยายามผลักดันกลับเข้าสู่เขตปลอดภัยในระยะทางกว่า 20 กม.นี้ว่า โชคดีที่ช้างป่าตัวนี้ เป็นช้างป่าสีดอขนาดใหญ่น้ำหนักประมาณ 5-6 ตัน ที่ไม่มีนิสัยที่ก้าวร้าว หรือดุร้าย โดยสังเกตจากภาษากายของช้าง แต่ยังมีการดื้อดึงไม่ยอมเดินไปยังในบริเวณที่โล่งเตียน จึงอยากขอโอกาสและขอเวลาให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ร่วมทำงานกับทางฝ่ายปกครอง ทางอำเภอ ตำรวจ ชบ.แปลงยาว อส. และกู้ภัยฯ
โดยอุปสรรคในการทำงานนั้น คือ จุดที่ช้างเข้ามานั้นเป็นชุมชน ทั้งยังมาเดินอยู่เพียงลำพังตัวเดียว และยังมีฝนตกหนักทำให้การติดตามทำได้ยากมากขึ้น ในขณะที่ช้างเดินเข้ามานั้น เขามาในช่วงเวลา 02.00-03.00 น. แต่การผลักดันช้างกลับคืนสู่ป่านั้นทำในเวลากลางวัน ซึ่งตามปกติแล้วช้างจะไม่เดินในตอนกลางวันอยู่แล้ว เพราะช้างจะเดินทางในเวลากลางคืน จึงต้องรอเวลาผลักดันให้เป็นช่วงเวลากลางคืน เนื่องจากอุปสรรคจะน้อยลง ทั้งในด้านของคนคือชาวบ้านและการจราจร ซึ่งจะได้ทำการเดินผลักดันช้างให้เดินไปในทิศทางที่เราต้องการ แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับที่ตัวช้างเองด้วย เนื่องจากพื้นที่นี้เต็มไปด้วยอุปสรรคและข้อจำกัด จากบ้านเรือนของประชาชนที่มีอยู่ในทุกทิศทางจนทำให้ช้างเกิดความงุนงงในทิศทางที่จะกลับไป การผลักดันจึงยากที่จะให้เขาเดินไปยังช่องทางใดก็ตาม ที่จะทำให้เขาเกิดความสบายใจและไม่เกิดความเสียหาย และเกิดความปลอดภัยต่อชาวบ้านเองรวมถึงเจ้าหน้าที่และตัวช้างเองด้วย
การผลักดันในครั้งนี้จึงไม่ต้องการให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น และอยากจะฝากถึงชาวบ้านในเส้นทางที่ช้างจะผ่านด้วยว่า พยายามอย่าออกมาจากบ้านในเวลาที่เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการผลักดันช้างผ่านพื้นที่ เพราะจะทำให้ช้างเปลี่ยนทิศทางหรือตีกลับ และเดินเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ ที่กำลังเดินตามหลังมาและชาวบ้านอาจจะได้รับอันตรายด้วย โดยหากชาวบ้านสนใจที่จะดูการปฏิบัติงานผลักดันช้าง ขอให้แอบหรือมองดูอยู่แต่ภายในบ้านพักอาศัยเท่านั้น หรือหากพบเห็นช้างป่าสามารถแจ้งเบาะแสข้อมูลมายัง นายเดชา นิลวิเชียร หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วผลักดันช้างและแก้ไขปัญหาช้างป่าที่ 2 เขาอ่างฤาไน ที่หมายเลขโทรศัพท์ 084-9119001 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นายเดชา กล่าว
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ อ.แปลงยาว หลายรายต่างพากันตื่นกลัว เนื่องจากในเวลากลางคืนยังคงมีผู้พบเห็นช้างป่าเข้ามาเดินภายในหมู่บ้านและชุมชนหลายครั้ง จนบางรายได้ออกมาระบุว่ามีมากถึง 3 ตัวใน 3 จุด คือ ในพื้นที่ ต.หัวสำโรง ใกล้วัดเขาสุวรรณคีรี และยังพบในเขตเทศบาลตำบลหัวสำโรงด้วย ทั้งยังวิจารณ์ในเชิงเหน็บแนมต่อการแก้ไขปัญหาช้างป่าของหน่วยงานภาครัฐตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาด้วยว่า ต่อไปช้างป่าจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน อาจจะบุกไปจนถึงกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรืออาจไปจนถึงยังทำเนียบรัฐบาลก็เป็นได้ เพราะขณะนี้ได้เดินมาไกลจากป่ารอย 5 จังหวัดเกินกว่าครึ่งทางแล้ว