นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่า หรือ จท. เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2564 กรมเจ้าท่าได้รับจัดสรรงบประมาณจากส่วนกลาง วงเงิน 852 ล้านบาท ดำเนินโครงการก่อสร้างและจัดหาระบบตรวจการณ์ชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง และอันดามัน (Vessel Traffic Control and Maritime Security Center : VTS) ระยะที่ 3
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
แบ่งเป็นการดำเนินการออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. ฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง วงเงิน 455 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอาณาเขตตั้งแต่ สงขลา ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ปัตตานี นราธิวาส จันทบุรี ตราด และ พัทยา โดยจัดสร้างศูนย์ควบคุม จำนวน 1 ศูนย์ สถานีลูกข่าย 12 สถานี และสถานีรีพีตเตอร์ 13 แห่ง และ 2. ฝั่งอันดามัน วงเงิน 397 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอาณาเขตตั้งแต่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ระนอง ตรัง และสตูล โดยจัดสร้างศูนย์ควบคุม จำนวน 1 ศูนย์ สถานีลูกข่าย 11 สถานี และสถานีรีพีทเตอร์ 10 แห่ง
“สิ้นเดือนก.ย. นี้ การก่อสร้างศูนย์ควบคุมการจราจร และระบบตรวจการณ์ชายฝั่ง เฟส 3 จะแล้วเสร็จและเปิดใช้บริการได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับความปลอดภัยการเดินเรือเดินทะเลระหว่างประเทศและเรืออื่นๆ ในเส้นทางภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และอันดามันในน่านน้ำไทย ทั้งเรือท่องเที่ยว และเรือขนส่งสินค้า เพราะกรมเจ้าท่าจะมองเห็นเรือทุกลำในน่านน้ำไทย สามารถติดตามเรือ และติดต่อสื่อสารได้ หากเรือเกิดประสบภัย รวมทั้งใช้เป็นระบบเฝ้าระวังตรวจจับ เรือขนถ่ายสินค้าอันตราย และเรือที่ผิดกฎหมายในน่านน้ำไทยได้อีกด้วย”
นายวิทยา กล่าวว่า ระบบดังกล่าวจะช่วยยกระดับความการท่องเที่ยวทางทะเลของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งยังเป็นกลไกลในการป้องกันและช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุจากการเดินเรือได้ดีอีกด้วย เพราะศูนย์ตรวจการณ์ชายฝั่งสามารถติดต่อสื่อสารแจ้งเตือนไปยังเรือทุกลำในน่านน้ำได้ ทั้งในส่วน ของการให้สามารถให้คำแนะนำ ข่าวจราจร และอันตรายในการเดินเรือ และหากเกิดอุบัติเหตุจะสามารถช่วยเหลือเรือและผู้โดยสารที่ประสบภัยในทะเลได้ทันท่วงทีลดการสูญเสียได้มาก
อย่างไรก็ตาม จท. ได้ดำเนินการโครงการก่อสร้างและจัดหาระบบตรวจการณ์ชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง และอันดามัน แล้วเสร็จมาแล้ว 2 ระยะ โดยระยะที่ 1 เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 50 ใช้วงเงินลงทุน 360 ล้านบาท และระยะที่ 2 เริ่มดำเนินการในปีงบประมาณ 2559 แต่มีการเริ่มสัญญาปี 2560 ใช้วงเงินลงทุน 314 ล้านบาท ทั้งนี้หากรวมการลงทุนทั้ง 3 ระยะ มีการใช้เงินลงทุน รวมทั้งสิ้น 1,526 ล้านบาท